นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด รับเรื่องร้องเรียนจากแม่วัย 30 ปี ว่าลูกสาววัย 13 ปี เรียนชั้น ม.1 โรงเรียนชื่อดังย่านดอนเมือง ถูกเพื่อนรุ่นพี่ล่อลวงมอมยา ก่อนลงมือข่มขืนกระทำชำเรา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 น้องรักษาตัวนานกว่า 2 สัปดาห์ อาการยังไม่เป็นปกติ ล่าสุดหมอตรวจพบสารเฮโรอีน สารกัญชา และสารยาแก้ปวดชนิดรุนแรง ในร่างกายน้อง ตอนนี้อาการของน้องยังไม่ดีขึ้น ไม่สามารถพูดได้ และตัวสั่น
โดยคุณแม่ของผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ลูกสาวขอออกไปเล่นกับเพื่อน จากนั้นก็มีรุ่นพี่หญิงอายุ 15 ปี มารับไปบ้านเพื่อน ซึ่งช่วงประมาณตี 2 ของวันที่ 25 ธันวาคม ก็ยังคงติดต่อลูกได้ โดยลูกบอกว่ากำลังจะกลับบ้าน แล้วหลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลยตลอดทั้งวัน ต่อมาวันที่ 26 ธันวาคม ตนสามารถติดต่อรุ่นพี่ที่มารับลูกได้ รุ่นพี่บอกว่าลูกอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของรุ่นพี่ ตนก็เลยรีบเดินทางไปรับ ในช่วงตอน 3 ทุ่มครึ่ง ก็พบเจอลูกในสภาพที่ไม่มีสติ ไม่มีเรี่ยวแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงรีบพาส่งโรงพยาบาล
ปรากฏว่าทางโรงพยาบาลแจ้งว่า ลูกถูกล่วงละเมิดทางเพศ และล่าสุดเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลของแพทย์แจ้งว่าพบสารเสพติดจำพวกเฮโรอีน กัญชา รวมทั้งพบสารยาแก้ปวดขนาดรุนแรงในร่างกายด้วย ซึ่งลูกรักษาตัวมาแล้วกว่า 20 วัน ยังคงมีอาการพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ หวาดผวากลัวคนแปลกหน้า ตัวสั่น ร้องไห้ แต่ยังคงมีสติรู้คิดและสามารถพยักหน้าตอบสนองได้ ซึ่งจากการสอบถาม ลูกพยักหน้ารับเมื่อถามว่าถูกล่วงเมื่อทางเพศหรือไม่ และสามารถชี้ใบหน้าของผู้ที่ล่วงละเมิดทางเพศได้
สำหรับกลุ่มเพื่อนกลุ่มดังกล่าว คุณแม่พอทราบ แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ซึ่งตัวน้องเองนั้น ก็มีพฤติกรรมติดเที่ยว ติดเพื่อนเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่ไม่เคยไปที่บ้านหลังนั้นมาก่อน เพียงแค่ผ่านหน้าบ้านเท่านั้นและเพิ่งรู้จักกับบ้านหลังนี้ไม่นาน ซึ่งเท่าที่ทราบในวันเกิดเหตุ นอกจากลุกสาว ก็มีคนอยู่ในบ้านอีก 4 คน ได้แก่ ชายวัย 30 กว่าปี ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ภรรยา และลูกเลี้ยงของเจ้าของบ้านอีก 2 คน เป็นเด็กชายวัย 15 ปี และเด็กหญิงลูกคนเล็ก เท่าที่สอบถามลูกสาวบอกว่า ผู้ที่ล่วงละเมิดทางเพศน้องคือชายผู้เป็นเจ้าของบ้าน
ก่อนหน้านี้ ตนเคยไปที่บ้านหลังดังกล่าวเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พูดไม่ตรงกันกับรุ่นพี่ เพราะรุ่นพี่บอกว่า เขาไม่ได้อยู่กับน้องตลอดเวลา เนื่องจากกลับบ้านไปนอน เพียงแต่มาหาที่บ้านหลังเกิดเหตุในช่วงเช้าวันที่ 25 ธันวาคม โดยพยายามปลุกน้อง ซึ่งน้องยังพูดคุยได้ แต่ลุกไม่ไหว อ้างว่าขอนอนก่อน แล้วรุ่นพี่ก็กลับมาหาอีกครั้งในช่วงตอนเย็น เห็นว่าไม่ได้สติแล้ว ทิ้งตัวนอนอย่างเดียว และพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่คนในบ้านหลังนั้นกลับอ้างว่า รุ่นพี่อยู่กับน้องตลอดเวลาและไม่มีอะไรเกิดขึ้น อ้างว่าน้องเมากัญชา เนื่องจากออกไปกับลูกชายเพื่อไปซื้อกัญชามาสูบ ทำให้ตนตั้งข้อพิรุธสงสัยกับบ้านหลังเกิดเหตุ เพราะถ้าเมากัญชาจริง ป่านนี้ต้องหายแล้ว แต่นี่ผ่านมา 20 วันแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น นับแต่นั้นมา ตนก็ไม่คุยกับบ้านหลังนั้นอีกเลย
วันนี้ที่ตนตัดสินใจมาร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด เพราะกลัวว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากรุ่นพี่ที่มารับตัวน้อง ถูกฝั่งคู่กรณีข่มขู่ว่าให้ลบแชตและพยานหลักฐานทิ้งทั้งหมด รวมทั้งบังคับให้การว่า รุ่นพี่อยู่กับน้องตลอด 24 ชั่วโมง แต่จริง ๆ แล้วรุ่นพี่ไม่ได้อยู่กับน้องตลอดเวลาที่บ้านหลังดังกล่าว เพราะกลับบ้านไปก่อน จึงอยากให้ทางตำรวจเร่งจับกุมผู้กระทำความผิดโดยเร็วที่สุด
นายเอกภพ กล่าวว่า คดีนี้อยู่ในท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งในเรื่องความคืบหน้าของคดีนั้น ค่อนข้างรวดเร็ว เพียงแต่คุณแม่มีความกังวลว่า รุ่นพี่ผู้เสียหายถูกข่มขู่ให้ลบแชตและพยานหลักฐาน เลยมาร้องเรียนเพื่ออยากให้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องพยานหลักฐาน ซึ่งจากการสอบถาม ทางตำรวจเตรียมจะนัดให้น้องผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพในวันอังคารที่ 21 มกราคม รวมทั้งจะให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ไปเก็บพยานหลักฐานและตรวจสอบบ้านหลังเกิดเหตุ
นอกจากนี้ยังตั้งข้อสงสัยว่า สารเฮโรอีนและกัญชาในตัวน้อง มาจากบุหรี่ไฟฟ้าหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้มีบุหรี่ไฟฟ้าที่ผสมสารเสพติดกำลังแพร่ระบาดในย่านทุ่งสองห้องและดอนเมือง โดยผู้ที่เสพบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว อาจจะส่งผลให้มีอาการเบลอและเสี่ยงถูกละเมิดล่วงละเมิดทางเพศได้ จึงอยากให้ทางตำรวจตรวจสอบและกวาดล้างเรื่องดังกล่าวด้วย